เข้าเรื่องคือด้วยความที่โช๊คเดิมเป็นสนิมสีลอก
- จะไปซื้อโช๊คศูนย์มาใส่ก็แพงคู่ละเกือบ 1,500
- จะเปลี่ยนไปใช้ yss รุ่นที่ดีๆ (E-Series) มันก็ไม่มีสีที่ชอบ (กระบอกเงินสปริงดำ)
- จะไปใช้ yss รุ่นถูกๆมันก็มีไม่ตรงรุ่นมีเป็นของ wave100 ซึ่งไม่ชอบสปริงตรงปลายมันม้วนเล็กกว่าของเดิม
- จะไปซื้อรุ่นกลางๆก็ไม่ชอบทรงที่มันแปลกๆกระบอกยาวๆ -_-
- และสุดท้ายโช๊ค wave110iสปริงดำมือสอง ก็หายากโคตร
ด้วยเหตุผลร้อยแปดของคนที่มันคิดจะทำก็เลยจัดการซื้อโช๊ค wave110i สีเทามือสองมาจัดการพ่นสีเองซะเลย
** จริงๆผมใช้ CZ-i110 นะครับ ใช้โช๊ค wave110i ได้
** ถ้าใครมีเงินอยากเปลี่ยนโช๊คใหม่ดีๆก็ตามสะดวกครับ
** ถ้ารถใครสปริงโช๊คขึ้นสนิมและอยากเอาออกมาทำสีก็ลองดูเป็นแนวๆครับ
- โช๊คเดิมมือสอง 300 บาท
(ถ้ามือสองสภาพดีแกนใหม่ๆใสๆราคาก็สูงขึ้น 500-800 บาท หรือถ้าถอดโช๊คจากรถมาทำสีเลยก็ไม่ต้องซื้อครับ)
- น้ำยาลอกสี 1 ลิตร 100 บาท
- สีรองพื้น,สีดำ,แล็คเกอร์ กระป๋องละ 72 บาท รวม 216 บาท
(รองพื้นกับแลคเกอร์ผมของเหลือมีพ่นท่อไอเสียก็เลยไม่ได้ซื้อครับประหยัดไป)
- กระดาษทราย 3 แผ่น 32 บาท
- ถุงมือยาง 20 บาท
- แปรงทาสี 20 บาท
- ค่าถอดโช๊ค 50 / ค่าใส่โช๊ค 50 บาท รวม 100 บาท
รวมๆแล้วที่ผมจ่ายไปจริงก็ประมาณ 700-750 บาท
** ของบางอย่างถ้าซื้อมาแล้วเหลือก็เก็บไว้ใช้พ่นส่วนอื่นได้ครับ
** ขั้นตอนการทำ (บางอย่างไม่ได้ถ่ายรูปมานะครับนั่งทำคนเดียวมือเลอะถ่ายไม่ถนัด)
1.ขั้นตอนแรกคือถอดโช๊คออกจากรถครับ หรือถ้าใครซื้อโช๊คมือสองมาก็ไม่ต้องครับ ตรงไปหาร้านซ่อมมอเตอร์ไซค์ที่เครื่องมือครบๆ ลองถามเค้าดูว่ารับถอดสปริงโช๊คมั้ย ถ้าไม่รับก็ซวยไปฮ่าๆ **ของผมไปร้านซ่อมโช๊คอัพรถยนต์ครับอยู่แถวบ้านพอดี โดนค่าถอดไป 50บาท (เดี๋ยวตอนใส่โดนอีก50บาท) บางที่ค่าถอดอาจถูกแพงกว่านี้ก็แล้วแต่ครับ หรือบางคนมีเครื่องมือถอดก็ถอดเองได้เลย และผมเห็นบางคน DIY เครื่องถอดสปริงเองเป็นน๊อตแบบมีตะขอเกี่ยว ตามสะดวกครับขอให้ถอดสปริงออกมาได้เป็นพอ **ระวังตอนถอนอย่าไปรุนแรงมาจนสปริงเป็นรอยนะครับ
2.รูปนี้เป็นรูปหลังจากถอดสปริงนะครับ วิธีก็คือกดปสริงด้านล่างให้ยุบลงไปซัก 1-2 นิ้ว จากนั้นก็หมุนเกลียวด้านล่างออกมาตามรูป
3.วัสดุ-อุปกรณ์ที่ใช้ครับ ถุงมือกับแปรงใช้ตอนทาน้ำยาลอกสี กระดาษทรายใช้ขัดสนิมสปริงและสนิมกระบอกโช๊ค(ใช้เบอร์ละเอียดหน่อย)
4.ขั้นตอนการทาผมไม่ได้ถ่ายรูปนะครับ ก็หากระป๋องหรืออะไรก็ได้ที่ใส่น้ำยาลอกสีได้ เทน้ำยาลอกสีมาประมาณนึงกะเอาให้พอทาสปริงได้ 2 อันพอดี **ใส่ถุงมือด้วยนะครับถ้ามีแว่นตากันฝุ่นหรือแว่นอะไรที่พอใส่ได้ก็กันๆไว้หน่อย เพราะน้ำยาลอกสีนี่แสบสมคำร่ำลือ ขนาดผมใส่ถุงมือ (คู่ละ20หนาๆ) น้ำยาโดนถุงมือนิดเดียวยังแสบๆนิดๆทะลุถุงมือ และไม่วายก็โดนน้ำยากระเด็นใส่ข้อมือไปนิดนึงตอนถอดถุงมือ -_-" ถ้าโดนน้ำยาก็ให้รีบล้างด้วยน้ำสะอาดและถูสบู่ครับ
หลังจากทาน้ำยาไปแล้วซักพักสีก็จะเริ่มพองตัวออกมาจากเนื้อเหล็ก ลองสังเกตดูจุดไหนสียังไม่พองให้ทาย้ำไปอีกเพื่อจะได้ไม่ต้องมานั่งขูดนั่งขัดอีก หลังจากดูดีแล้วก็จับฉีดน้ำล้างสีที่พองออกมา แนะนำว่าฉีดให้ห่างๆตัวหน่อยนะครับเดี๋ยวน้ำยากระเด็นมาโดน ล้างจนเศษสีหลุดหมดหรือถ้าไม่หมดก็ไม่ต้องไปซีเรียส เดี๋ยวค่อยไปเอาคัตเตอร์กรีดๆออกเอา
หลังจากทาน้ำยาไปแล้วซักพักสีก็จะเริ่มพองตัวออกมาจากเนื้อเหล็ก ลองสังเกตดูจุดไหนสียังไม่พองให้ทาย้ำไปอีกเพื่อจะได้ไม่ต้องมานั่งขูดนั่งขัดอีก หลังจากดูดีแล้วก็จับฉีดน้ำล้างสีที่พองออกมา แนะนำว่าฉีดให้ห่างๆตัวหน่อยนะครับเดี๋ยวน้ำยากระเด็นมาโดน ล้างจนเศษสีหลุดหมดหรือถ้าไม่หมดก็ไม่ต้องไปซีเรียส เดี๋ยวค่อยไปเอาคัตเตอร์กรีดๆออกเอา
5.หลังจากล้างน้ำสะอาดแล้วก็เช็ดให้แห้ง สังเกตดูว่าจุดไหนสียังออกไม่หมด ก็เตรียมขูดและขัดไปพร้อมสนิม **สปริงหลังจากลอกสีออกแล้วตัวสปริงเนื้อเหล็กจะไม่เรียบเนียนเหมือนตอนมีสีนะครับ ผิวจะขุรขระแบบเนียนๆ (เรียกไม่ถูก) ไม่ต้องไปขัดให้มันเนียนเพราะต้องพ่นสีทับอยู่แล้ว
6.ขั้นตอนการขัดผมใช้กระดาษทราบทีโอเอตามรูปไม่รู้เบอร์อะไรแต่ความหยาบระดับกลางๆ ก่อนขัดก็ขูดสีที่ยังไม่หลุดออกให้หมดเท่าที่จะทำได้ จากนั้นก็กระดายทรายขัดตามไปให้เนียน **หลังจากขัดแล้วผมใช้แปรงลวดขนนุ่มๆหน่อยแปรงพวกขี้สนิมเศษผงออกนะครับแต่ไม่ได้ถ่ายรูปมา
7.หลังจากขัดจนขี้เกียจแล้ว ตามซอกแคบๆเล็กๆก็เอาแค่ให้พอเนียนๆไร้ฝุ่นก็พอ หรือถ้าใครสามารถทำให้เนียนกว่านี้ได้ก็จัดไปครับ ถ้าเป็นโช๊คysss หรือโช๊คแต่งสปริงจะห่างกันพอสมควรแบบนั้นแนะนำว่าขัดได้ก็ขัดนะครับ จากรูปด้านล่างก็เตรียมสถานที่รอพ่นสีรองพื้นและสีจริง **เลือกสถานที่ที่มีแดดหน่อยๆ ลมและฝุ่นน้อยๆ
8.จากนั้นก็เริ่มพ่นรองพื้นก่อนสีที่ใช้ก็นิปปอนไพแลค 130 Surfacer Grey ครับกระป๋องนี้เหลือจากตอนพ่นรองพื้นท่อไอเสีย **ยี่ห้อที่ราคาถูกหรือแพงกว่านี้ไม่เคยลองใช้นะครับเพราลองใช้ไพแลคพ่นท่อไอเสียแล้วใช้ได้ครับหรือไม่หลุดหรือแตกเกาะแน่นดีและทนความร้อนสูงๆอย่างท่อไอเสียได้จริง
9.วิธีการพ่นสีสเปรย์ก็ตามสูตรที่เคยได้ยินกันแหละครับค่อยๆพ่นค่อยๆปาดไปบางๆ ไม่ต้องซัดที่เดียวจบงาน -_-" พ่นไปเรื่อยๆ **พ่นบางๆซัก 3 รอบ ถ้ายังไม่เนียนก็เพิ่มรอบ 4 เก็บงาน สี1กระป๋อง น่าจะพอดีสปริง2อันนะหรือเหลือด้วยคำนวนดีๆ เพราะของผมใช้สีกระป๋องที่เหลือพ่น พอดีเป๊ะมีบางจุดรองพื้นบางๆนิดหน่อยแต่ตอนพ่นสีจริงไม่เป็นประเด็น เอาแค่ว่าให้สีเนียนและไม่เยิ้มก็พอ
แต่ละรอบที่พ่นทิ้งเวลาห่างกันประมาณ 15-20นาที พอมั่นใจว่าสีค่อนข้างแห้งแล้วก็พลิกสปริงด้านบนมาพ่นกลับไปกลับมาครับ
10.สปริงช่วงล่างหลังจากพ่นรองพื้นเสร็จแล้วรอพ่นสีจริง
11.สปริงช่วงบนหลังจากพ่นรองพื้นเสร็จแล้วรอพ่นสีจริง **ด้านในของสปริงช่วงบนก็พ่นลงไปในแกนเลยครับบางๆ เอาเท่าที่พ่นได้อย่าอัดเยอะเดี๋ยวมันจะเยิ้ม
12.หลังจากสีรองพื้นแห้งแล้วก็มาถึงสีจริง ใช้สีไพแลค217Blackครับ วิธีการพ่นเบื้องต้นก็เหมือนๆกับพ่นรองพื้นครับ **แต่ต่างกันตรงจำนวนรอบที่พ่นอาจจะมี 3-4 รอบ และตอนรอบที่ 3-4 ให้สังเกตดูตรงจุดที่พ่นว่าเนื้อสีเรียบเนียนหรือยังยังมีรอยขรุขระของเหล็กอยู่หรือเปล่าถ้ามีก็ค่อยๆพ่นปาดๆไล่ไปเรื่อยๆ **แต่ละรอบที่พ่นทิ้งห่างกันประมาณ 20-35 นาทีหรือมากกว่านั้น เพราะสีเริ่มหนาเริ่มแห้งช้าแล้ว และก็พลิกกลับ บน-ล่าง เหมือนเดิม
13.ค่อยๆพ่นๆใจเย็นๆ ระหว่างรอสีแห้งก็หาไรทำไป หรือจะไปล้างกระบอกโช๊คก็ทำได้นะครับเดี๋ยวจะอธิบายทีหลัง
14.หลังจากพ่นไป 4 รอบสีหมดพอดี หรือถ้ายังไม่เนียนก็ซัดไปอีกกระป๋อง (ผมใช้ไป 1กระป๋อง+อีกครึ่งกระป๋องใหม่) หลังจากงานเนียนเต็มที่เท่าที่ทำได้แล้วก็รอไปยาวๆเลยครับ 2-3-4 ชั่วโมงก็ว่าไป ของผมรอประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าๆ จนสีค่อนข้างแห้งแล้วก็ลงแล็คเกอร์ครับ
15.แลคเกอร์ก็ไพแลครหัส230ครับ วิธีพ่นก็คล้ายๆกับพ่นรองพื้นและสีจริง ค่อยๆพ่นให้ขึ้นเงาไปเรื่อยๆ จุดไหนยังด่างๆตัดกับเงาอยู่ก็พ่นทับไป ให้พ่นแลคเกอร์ประมาณ 2-3 รอบครับ ผมใช้ไปเกือบๆครึ่งกระป๋อง ถ้าใครอยากได้เงาจัดๆก็หมดป๋องไปครับ แต่ละรอบก็ใช้เวลารอประมาณ 15-25 นาที อย่าลืมพลิกสปริงพ่นเหมือนเดิม
16.ผมพ่นไป 3 รอบหน่อยจนขึ้นเงาแล้วก็ปล่อยทิ้งไว้ให้แห้งครับ **ถ้าแดดไม่แรง ลมไม่ค่อยมีก็ทิ้งไว้ยาวๆเลยครับ ผมทิ้งไว้นานพอสมควร 3-4 ชั่วโมงกลางแดดค่อนข้างแรงลมเบาๆ
17.ตัดกลับมาที่กระบอกโช๊ค สภาพก็ตามรูปครับไหนๆถอดสปริงมาพ่นแล้วก็ต้องล้างกระบอกซะหน่อย วิธีล้างก็ใช้ซันไลต์ผสมน้ำนิดหน่อย แล้วเอาจุ่มสก๊อตไบต์ขัดๆเอา **ไม่ต้องเอาลงไปจุ่มน้ำนะครับตามซอกก็เอาแปรงสีฟันเก่าๆขัดเอา ขัดถูกให้สะอาดเอาเศษขี้ดินและรอยหมองๆออก จากนั้นก็ล้างน้ำระวังอย่าให้น้ำไปโดนตรงปลายแกนโช๊ค
18.ถอดแกนด้านล่างออกมาแล้วแปรงด้วยแปรงสีฟันจากนั้นล้างน้ำ
19.จับล้างขัดให้สะอาด **แกนสีดำนี่ถอดได้นะครับดึงลงมาจากกระบอกได้เลยแล้วทำความสะอาด
20.ล้างน้ำสะอาดตากให้แห้งรอขัดด้วยบรัสโซ
21.ก่อนใช้บรัสโซขัดก็ขัดด้วยกระดาษทรายละเอียดซักหน่อยให้พอขึ้นเงา ในรูปนี่ละเอียดน้อยไปหน่อยกระบอกจะมีรอยนิดๆ
22.หลังจากขัดกระดาษทรายแล้วก็ขัดบรัสโซต่อ
23.ถอดแกนสีดำออกไปก่อนครับแล้วขัดกระดาษทรายตามด้วยบรัสโซ เงามากเงาน้อยก็อยู่ที่ความพยายามฝีมือและเครื่องมือ จบจากขัดแล้วก็เป็นอันเสร็จกลับไปดูที่ผลงานสีสปริง
24.ดูว่าจุดไหนต้องพ่นย้ำก็พ่นไปครับ เน้นช่วงสปริงด้านล่างเพราะด้านล่างนี่สังเกตเห็นง่ายกว่าสปริงด้านบนที่อยู่ในบอดี้รถ จากในรูปนี่ก็พอได้แล้วและแลคเกอร์ค่อนข้างแห้งแล้ว จากนั้นก็เก็บมาวางเขาที่ร่ม เก็บไว้ตากแดดตอนเช้าพรุ่งนี้อีก
25.หลังจากขัดกระบอกและพ่นสีแล้ว **ถอดร้านไหนก็เอาไปประกอบร้านนั้น ตัวสปริงแนะนำว่าทิ้งไว้ซัก 2-4 วันให้สีแห้งสนิทจริงๆค่อยเอาสปริงไปใส่แกนนะครับถ้าเอาไปใส่เลยหรือทิ้งไว้แค่วันเดียวรับรองว่าสีหลุดหรือเป็นรอยแน่ๆ หลังจากประกอบโช๊คกับสปริงแล้วก็ประกอบเข้ารถตามเดิมเป็นอันเสร็จพิธี
- รูปก่อนทำ
- รูปหลังทำเสร็จแล้วรอสีแห้งและรอใส่สปริงกลับตามเดิม